อาหารสัตว์เลี้ยงแบบยั่งยืน หรือ sustainable pet food คืออะไร

อาหารสัตว์เลี้ยงแบบยั่งยืน คืออาหารที่ผลิตขึ้นโดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างสุขภาพของสัตว์เลี้ยงและสิ่งแวดล้อม กระบวนการผลิตจะเน้นการใช้วัตถุดิบที่มาจากแหล่งที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ เช่น โปรตีนจากพืช แมลง หรือวัตถุดิบรีไซเคิล ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการใช้ทรัพยากรน้ำและที่ดิน นอกจากนี้ ยังลดการใช้สารเคมีและสารเติมแต่งที่อาจเป็นอันตรายต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อม การผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบยั่งยืนจึงช่วยให้สัตว์เลี้ยงได้รับโภชนาการที่ดีพร้อมกับช่วยรักษาระบบนิเวศให้คงอยู่ได้ในระยะยาว

‍

อาหารสัตว์เลี้ยงแบบยั่งยืนมีองค์ประกอบหลักดังนี้:

• โปรตีนจากแหล่งที่ยั่งยืน เช่น โปรตีนจากแมลง โปรตีนพืช หรือโปรตีนที่ได้จากส่วนเกินของอุตสาหกรรมอาหารมนุษย์ ซึ่งช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
• วัตถุดิบจากพืชท้องถิ่น เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ที่ปลูกโดยเกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ เพื่อลดการขนส่งและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
• บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่รีไซเคิลได้หรือย่อยสลายง่าย เพื่อลดขยะพลาสติก
• ไม่มีสารเคมีและสารเติมแต่งที่เป็นอันตราย เช่น สีสังเคราะห์ สารกันบูดที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพสัตว์และสิ่งแวดล้อม
• กระบวนการผลิตที่คำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์ ลดความเครียดและการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น
• ใช้วัตถุดิบจากการนำกลับมาใช้ใหม่ (Upcycling) เพื่อลดปริมาณของเสียในอุตสาหกรรมอาหารและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร

องค์ประกอบเหล่านี้ช่วยให้ได้อาหารสัตว์เลี้ยงที่ดีต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

‍

เทรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบยั่งยืน

ขณะนี้ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงแบบยั่งยืนได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นศูนย์กลางของความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเน้นสุขภาพสัตว์เลี้ยงอย่างมาก ด้วยอัตราการครอบครองสัตว์เลี้ยงสูง และการรับรู้ด้านความยั่งยืนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการมีแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงที่เน้นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค โปรตีนทางเลือก และบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล ทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นตลาดใหญ่ที่สุดสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยงที่ยั่งยืนในปี 2025

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงแบบยั่งยืนทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 24.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 50.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2035 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ประมาณ 6.8% โดยมีการเติบโตที่แข็งแกร่งจากความต้องการอาหารสัตว์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โปรตีนทางเลือก และบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย ก็เป็นตลาดที่เติบโตเร็วเพราะมีประชากรกลางที่เพิ่มขึ้น และความตระหนักรู้เรื่องสุขภาพสัตว์และสิ่งแวดล้อมที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน.

โดยรวมแล้ว สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่อาหารสัตว์เลี้ยงแบบยั่งยืนได้รับความนิยมสูงสุดตามด้วยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบยั่งยีน เช่น Wild Earth

Wild Earth เป็นแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบยั่งยืนที่ก่อตั้งขึ้นด้วยแนวคิดที่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงโดยสิ้นเชิง จากทัศนะที่อาหารสัตว์เลี้ยงแบบดั้งเดิมพึ่งพิงเนื้อสัตว์ที่มักมาจากวัตถุดิบคุณภาพต่ำและการปฏิบัติที่ไม่ดีต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้ Wild Earth จึงพัฒนาสูตรอาหารที่ใช้โปรตีนจากพืชเป็นหลัก โปรตีนจากเชื้อรา และโปรตีนจากแมลง ซึ่งมีความปลอดภัยสูง ปราศจากส่วนผสมที่โหดร้ายต่อสัตว์ และคำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง

สิ่งที่ทำให้ Wild Earth แตกต่างคือการนำเทคโนโลยีชีวภาพและงานวิจัยด้านโภชนาการสัตว์มาใช้ในการพัฒนาอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ผ่านการใช้โปรตีนจากเชื้อราและยีสต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนอกจากดีต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงแล้วยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้ที่ดินและน้ำอย่างมาก

ตั้งแต่ก่อตั้ง Wild Earth ได้สร้างผลกระทบในเชิงบวกทั้งในเรื่องสุขภาพสัตว์เลี้ยง โดยพบว่ามีสุนัขถึง 86% ที่แสดงการปรับปรุงสุขภาพ และยังได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากผู้เลี้ยงสัตว์ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดรอยเท้าคาร์บอนและใช้ทรัพยากรน้อยลงเมื่อเทียบกับอาหารสัตว์เลี้ยงแบบดั้งเดิม

Wild Earth เรียกได้ว่าเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงวงการอาหารสัตว์เลี้ยงสู่ความยั่งยืนและสุขภาพที่ดีสำหรับสัตว์เลี้ยงและโลกใบนี้.

‍